ศึกสายเลือดลีก! 8 คู่ชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่มาจากลีกเดียวกัน
6 พฤษภาคม 2564, 17:02 น. · 188
ข่าวฟุตบอลล่าสุด เป็นอีกครั้งที่นัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้กลายเป็นศึกสายเลือด เพราะเป็นการดวลแข้งกันของ 2 ทีมลูกหนังจากลีกเดียวกันนั่นเอง โดย "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี จะต้องเผชิญหน้ากับ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เพื่อชิงบัลลังก์ "เจ้ายุโรป" ประจำฤดูกาล 2020/2021 และเป็นหนที่ 8 ในหน้าประวัติศาสตร์ของถ้วยใบใหญ่ที่สุดของทวีปดังต่อไปนี้เลย
เรอัล มาดริด VS บาเลนเซีย ในปี 2000
เริ่มจากในช่วงฤดูกาล 1999/2000 เป็นครั้งแรกที่ 2 ทีมจากชาติเดียวกันต้องมาเผชิญหน้าในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ เมืองแซงต์-เดนีส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยประเดิมกันด้วย 2 ทีมจากสเปนระหว่าง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด กับ "ไอ้ค้างคาว" บาเลนเซีย ซึ่งได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่นัดชิงเป็นหนแรก แต่สุดท้ายเป็นฝ่าย เรอัล มาดริด ได้ชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากการใช้ความเก๋าไล่ต้อนไปแบบขาดลอยถึง 3-0
เอซี มิลาน VS ยูเวนตุส ในปี 2003
หลังจากนั้นในฤดูกาล 2002/2003 เป็นครั้งแรกที่ 2 ทีมจากอิตาลีต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการพบกันระหว่าง "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน เผชิญหน้ากับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส แม้เกมนั้นจะต้องเตะกันจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ไม่สามารถตามหาผู้ชนะกันได้ เพราะลงเอยด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 จึงต้องใช้วิธีดวลจุดโทษตัดสิน และเป็นฝ่าย เอซี มิลาน สังหารแม่นกว่า จึงได้ชูถ้วยแชมป์จากการดวลเป้าชนะ 3-2
แมนฯ ยูไนเต็ด VS เชลซี ในปี 2008
ในฤดูกาล 2007/2008 เป็นครั้งแรกที่ 2 ทีมจากอังกฤษต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่ลุกนิกี้ สเตเดี้ยม ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยเป็นการพบกันระหว่าง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เผชิญหน้ากับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ซึ่งได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงเป็นหนแรกด้วย แม้เกมนั้นจะต้องเตะกันจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ไม่สามารถตามหาผู้ชนะกันได้ เพราะลงเอยด้วยผลเสมอในช่วงหลังจบ 120 นาที 1-1 จึงต้องใช้วิธีดวลจุดโทษตัดสิน และเป็นฝ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด สังหารแม่นกว่า จึงได้ชูถ้วยแชมป์จากการดวลเป้าชนะ 6-5
บาเยิร์น มิวนิค VS โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2013
ในฤดูกาล 2012/2013 เป็นครั้งแรกที่ 2 ทีมจากเยอรมนีต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่เวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการพบกันระหว่าง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เผชิญหน้ากับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยเกมนั้น บาเยิร์น มิวนิค อาศัยความเก๋า จึงได้ชูถ้วยแชมป์จากการเฉือนชัยในช่วงหลังจบ 90 นาที 2-1
เรอัล มาดริด VS แอต.มาดริด ในปี 2014
ในฤดูกาล 2013/2014 เป็นครั้งที่ 2 ของทั้งสองทีมจากสเปนที่ต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่เอสตาดิโอ ดา ลุซ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยเป็นการพบกันของ 2 ทีมคู่ปรับร่วมกรุงมาดริด ระหว่าง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เผชิญหน้ากับ "ตราหมี" แอต.มาดริด ซึ่งได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงเป็นหนแรกด้วย โดยเกมนั้นเสมอ 1-1 ในช่วงหลังจบ 90 นาที จึงต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีเพื่อตามหาผู้ชนะกันต่อ และเป็นฝ่าย เรอัล มาดริด ได้ชูถ้วยแชมป์จากการอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าไล่ต้อนชนะในช่วงหลังจบ 120 นาทีด้วยสกอร์ 4-1
เรอัล มาดริด VS แอต.มาดริด ในปี 2016
ในฤดูกาล 2015/2016 เป็นครั้งที่ 3 ของทั้งสองทีมจากสเปนที่ต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่ซาน ซิโร่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเป็นการพบกันของ 2 ทีมคู่ปรับร่วมกรุงมาดริดเป็นหนที่ 2 อีกด้วย โดยเกมนั้นเสมอในช่วงหลังจบ 90 นาที 1-1 จึงต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีเพื่อตามหาผู้ชนะกันต่อ แต่เมื่อครบ 120 นาทียังไม่มีการยิงประตูเพิ่มเติม จึงต้องใช้วิธีดวลจุดโทษตัดสิน และเป็นฝ่าย เรอัล มาดริด ได้ชูถ้วยแชมป์จากดวลเป้าแม่นกว่าด้วยสกอร์ 5-3
ลิเวอร์พูล VS สเปอร์ส ในปี 2019
ในฤดูกาล 2018/2019 เป็นครั้งที่ 2 ของทั้งสองทีมจากอังกฤษที่ต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ โดยเป็นการพบกันระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กับ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ซึ่งได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงเป็นหนแรกเลยด้วย และเป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ได้ชูถ้วยแชมป์จากการคว้าชัยแบบไม่ยากนักเย็นด้วยสกอร์ 2-0
แมนฯ ซิตี้ VS เชลซี ในปี 2021
ปิดท้ายด้วยในฤดูกาล 2020/2021 เป็นครั้งที่ 3 ของทั้งสองทีมจากอังกฤษที่ต้องมาดวลแข้งกันในนัดชิง "เจ้ายุโรป" ที่อตาเติร์ก สเตเดี้ยม โดยเป็นการพบกันระหว่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ซึ่งได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงเป็นหนแรกเลยด้วย จึงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ทีมไหนจะได้ชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงหลังจบเกมคืนวันที่ 29 พ.ค.นี้